Team Building สำหรับทีมไฮบริด: ทำอย่างไรให้คนในออฟฟิศและรีโมทรู้สึกว่าเป็นทีมเดียวกัน

ยุคปัจจุบันคือยุคของการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) ที่มีทั้งคนทำงานในออฟฟิศ และคนทำงานจากที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ ความท้าทายที่องค์กรจำนวนมากเผชิญคือ การทำให้ทั้งสองกลุ่ม “รู้สึกเป็นทีมเดียวกัน” จริง ๆ ไม่ใช่แค่ในชื่อ

และนี่คือบทบาทสำคัญของ Team Building ที่ไม่ใช่เพียงกิจกรรมสนุก ๆ แต่เป็นเครื่องมือทางวัฒนธรรม ที่เชื่อมโยง “คน” ให้กลายเป็น “ทีม” แม้จะอยู่ต่างสถานที่ ต่างเวลา หรือต่างรูปแบบการสื่อสาร

1. ออกแบบกิจกรรมที่ไม่แบ่งแยกโลเคชัน แต่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมเท่าๆ กัน

สิ่งแรกที่องค์กรต้องทำ คือการออกแบบกิจกรรม Team Building ให้ไม่ตัดใครออก
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ “จำกัด” เฉพาะคนที่อยู่ในออฟฟิศ เช่น เกมจับมือ กิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย
หรือกระบวนการที่ต้องใช้พื้นที่จริง

ให้เน้นกิจกรรมที่คนรีโมทก็เข้าร่วมได้ เช่น

  • เกมตอบคำถามหรือไขปริศนาแบบออนไลน์ (เช่น Virtual Escape Room)
  • Brainstorming ผ่าน Whiteboard หรือ Miro
  • Speed Networking ออนไลน์ ที่เปลี่ยนคู่พูดคุยทุก 5 นาที
  • การเล่น Icebreaker ผ่าน Zoom ที่สนุกทั้งคนที่อยู่หน้าจอและในห้องประชุม

กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้สมาชิกทุกคนรู้สึกว่า “ฉันอยู่ในเหตุการณ์” และไม่ได้ถูกละเลย
นี่คือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกร่วมที่สำคัญใน Team Building

2. ใช้ Hybrid Rituals: สร้างพิธีกรรมทีมที่ทำได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ในทีมที่กระจัดกระจายกันทางภูมิศาสตร์ การมี "พิธีกรรม" ร่วมกัน (Team Rituals)
จะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

ลองเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำซ้ำได้ เช่น

  • Check-in อารมณ์ ด้วย Emoji หรือคำสั้นๆ ก่อนเริ่มประชุม
  • แชร์ Wins of the Week ทุกวันศุกร์ ทั้งในห้องประชุมและช่องแชท
  • เขียน “คำขอบคุณ” ถึงเพื่อนร่วมงานแล้วโพสต์ไว้ในช่อง Team Kudos
  • เปิดเพลงประจำทีมก่อนประชุม หรือส่ง Gif เชียร์กันเวลาโปรเจกต์สำเร็จ

การสร้างวัฒนธรรมทีมที่ “เห็นหน้า หรือไม่เห็นหน้าก็ทำร่วมกันได้”
คือหัวใจสำคัญของ Team Building สำหรับทีมไฮบริด

3. เทคโนโลยีคือสะพาน ไม่ใช่กำแพง

หลายทีมตกหลุมพรางว่าการมี Zoom, Teams หรือ Slack ก็พอแล้ว
แต่เทคโนโลยีจะกลายเป็น “สะพาน” หรือ “กำแพง” ขึ้นอยู่กับการใช้

องค์กรควรเลือกแพลตฟอร์มที่ “เอื้อให้ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง”
ยกตัวอย่าง:

  • ใช้ Zoom ที่เปิดกล้องพร้อมกันตอนเริ่มเกม Icebreaker
  • ใช้ Miro ให้คนรีโมทได้แปะโพสต์อิทออนไลน์ข้าง ๆ คนในออฟฟิศ
  • ใช้ Slido หรือ Mentimeter ให้ทุกคนส่งความเห็นแบบเรียลไทม์ โดยไม่แบ่งว่าใครอยู่ที่ไหน

และที่สำคัญ ต้องมีคนรับผิดชอบดูแล “เสียงของคนไกล”
คอยถาม คอยสังเกต และสร้างพื้นที่ให้คนทำงานรีโมทได้พูดเท่ากับคนที่อยู่ในห้อง

Team Building ที่ดีในยุคไฮบริด ไม่ได้แค่จัดกิจกรรม แต่ต้อง “ออกแบบการมีส่วนร่วม” ด้วยเทคโนโลยีอย่างเข้าใจ

4. สะท้อนความรู้สึกหลังทำกิจกรรม: ให้ทุกคนได้แชร์จากมุมที่ตัวเองอยู่

จุดเปลี่ยนสำคัญหลัง Team Building ไม่ใช่แค่ความสนุกขณะเล่น
แต่คือ “บทเรียนและความรู้สึก” ที่แต่ละคนได้รับหลังจบกิจกรรม

ลองจัดเวลา 10–15 นาทีท้ายกิจกรรม เพื่อให้สมาชิกได้แชร์ว่า

  • ฉันรู้สึกอย่างไรในกิจกรรมนี้
  • ฉันเห็นมุมใหม่ของเพื่อนร่วมทีมอย่างไร
  • ฉันคิดว่าเราจะเอาบรรยากาศนี้กลับไปใช้กับการทำงานได้ไหม

โดยเฉพาะทีมรีโมท ควรเปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้สะท้อนออกมาผ่านช่องแชท เสียง หรือบันทึก
ไม่ใช่แค่ “ตอบแบบฟอร์ม” แต่ให้โอกาสแสดงตัวตนจริงจากมุมที่เขาอยู่

การสะท้อนร่วมกันหลังจบกิจกรรมจะทำให้ Team Building ไม่จบแค่ในวันนั้น
แต่กลายเป็นพลังที่ขยายสู่ความเข้าใจในระยะยาว

สรุปได้ว่าทีมไฮบริดที่รู้สึกเป็น “ทีมจริง” ต้องอาศัยมากกว่าการประชุมที่ตรงเวลา

Team Building สำหรับทีมไฮบริดไม่ใช่เรื่องของการมีเครื่องมือมากมาย
แต่คือ “ความตั้งใจในการเชื่อมโยงหัวใจคน” ผ่านกิจกรรมที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมจริง

เราสามารถสร้างทีมที่เหนียวแน่น โดยไม่ต้องอยู่ห้องเดียวกัน
ถ้าเรากล้าทำในสิ่งที่ง่าย แต่ลึกซึ้ง เช่น ฟังกันจริง เชื่อมกันผ่าน Emoji สั้นๆ หรือสร้างพื้นที่ให้ “ความเป็นมนุษย์” ได้มีที่ทางแม้ในโลกไฮบริด

ในที่สุดแล้ว “ทีม” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรายังเลือก “มองเห็นกัน” อยู่ไหม

หากองค์กรของคุณต้องการทำ Team Building แบบไฮบริด
สามารถแจ้งได้เลยนะคะ เราพร้อมให้คำปรึกษาค่ะ

Share this Post:

Related Posts: