ในทุกองค์กรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สิ่งที่เชื่อมโยงคนในทีมให้ทำงานร่วมกันได้ ไม่ใช่แค่แผนงานที่ดี แต่คือ
“การสื่อสารที่ดี” ระหว่างกัน เพราะแม้จะมีทักษะมากแค่ไหน ถ้าไม่เข้าใจกัน ก็เดินไปด้วยกันได้ไม่ไกล
การสื่อสารอย่างมีพลังจึงไม่ได้หมายถึงการพูดเก่ง แต่คือ “การพูดด้วยความตั้งใจ” และ “การฟังด้วยหัวใจ” เพื่อให้ทีมเข้าใจกันมากขึ้น และไว้ใจกันมากขึ้นทุกวัน
ฟังให้ลึกกว่าคำพูด เพราะบางความรู้สึก ไม่ได้พูดออกมา
เวลาที่คนพูดสื่อสารออกไป อาจไม่ได้อยากให้เราตอบ แต่อยากให้เรารับฟังอย่างแท้จริงมากกว่า
การฟังอย่างลึกคือการฟังด้วยใจ ไม่ใช่แค่ฟังเพื่อจะพูดกลับ ฟังทั้งน้ำเสียง แววตา และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในคำพูดเพราะบ่อยครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ “ระหว่างบรรทัด”
การพูดให้ชัด เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่แค่เพื่อให้ครบถ้วน
หลายครั้งความเข้าใจผิด ไม่ได้เกิดจากเจตนาแต่เกิดจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน
การพูดให้ชัด คือพูดตรงประเด็น ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายไม่คลุมเครือ ไม่อ้อมค้อมจนคนฟังงง เพราะคำพูดที่ดี ไม่จำเป็นต้องยาว แค่ตรงและจริงใจก็เพียงพอ
เจตนาที่ดี สำคัญกว่าคำพูดสวยหรู
คำพูดที่มาจากความจริงใจ แม้เรียบง่าย ก็สัมผัสได้ ในขณะที่คำพูดที่สวยหรูแต่ไร้ใจ...กลับฟังดูว่างเปล่า
ถ้าเราสื่อสารด้วยความเคารพ เห็นคุณค่าของกันและกัน แม้จะพูดผิดบ้าง ไม่สมบูรณ์บ้าง ก็ยังสร้างความรู้สึกดีให้เกิดขึ้นในทีมได้เสมอ
สื่อสารเพื่อการสร้าง ไม่ใช่แค่การส่งออก
การสื่อสารที่ดีไม่ใช่แค่ “การบอกให้รู้” แต่คือ “การสร้างความเข้าใจ และความสัมพันธ์”
ทุกคำที่เราพูด ทุกการฟังที่เรามอบให้คืออิฐก้อนเล็ก ๆ ที่ช่วยสร้างความไว้ใจในทีม
และทีมที่ไว้ใจกัน...จะร่วมมือกันได้โดยไม่ต้องสั่ง
สรุปได้ว่าพลังของการสื่อสาร...ไม่ได้อยู่ที่น้ำเสียง หรือคำพูดสวยหรู แต่อยู่ที่ความตั้งใจเบื้องหลังมัน พูดให้ชัด ฟังให้ลึก และสื่อสารด้วยเจตนาดี คือสิ่งเรียบง่ายที่ทีมไหนก็ทำได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ทีมที่เข้าใจกันจริง ๆ” ไม่ใช่แค่ในงาน...แต่ในหัวใจ
การสื่อสารอย่างมีพลัง (Powerful Communication)
Share this Post:




