เวลา” คือ ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่มีค่าที่สุดและในโลกการทำงานที่เปลี่ยนเร็ว เดินไว คนที่เข้าใจคุณค่าของเวลาจะไม่ใช่แค่คนที่ทำงานได้มากขึ้น แต่คือคนที่ “เลือกทำในสิ่งที่สำคัญมากขึ้น
Time Ownership คือ แนวคิดที่เปลี่ยนมุมมองจาก “แค่ใช้เวลาให้พอ” มาเป็น “ใช้เวลาเหมือนเป็นเจ้าของมันจริง ๆ” เหมือนเจ้าของธุรกิจที่มองทุกชั่วโมงเป็นต้นทุนที่ต้องสร้างผลลัพธ์
เลือกทำในสิ่งที่ใช่ ไม่ใช่แค่สิ่งที่มาก่อน
ในหนึ่งวัน เราอาจถูกดึงไปกับหลายอย่างที่ “ดูเหมือนด่วน” แต่ไม่ได้สำคัญกับเป้าหมายจริง ๆ
การบริหารเวลาอย่างมีเจ้าของ หมายถึงการ “กล้าจัดลำดับใหม่” ไม่ใช่ตามกระแสของงานเร่ง…แต่ตามคุณค่าของงานที่มีความหมาย คนที่มี Time Ownership ไม่ใช่คนที่ทำทุกอย่าง แต่คือคนที่ “เลือกทำสิ่งที่พาไปข้างหน้า”
ใช้แผนการทำงาน แทนความเร่งรีบ
เมื่อไม่มีแผนการทำงาน งานทุกอย่างจะดูเร่งรีบไปหมด แต่เมื่อเรามีแผนในการทำงาน เราจะเริ่มเห็นจังหวะ เห็นจุดพัก เห็นโอกาสปรับแผนที่ดีไม่ต้องแน่นทุกชั่วโมง แค่มีโครงให้รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน และจบตรงไหน
การให้เวลา คือ ให้เกียรติต่อกันและกัน
การมาตรงเวลา คือ การให้เกียรติทั้งตัวเองและคนรอ การส่งงานตรงเวลา คือการยืนยันความรับผิดชอบ
และการไม่ปล่อยให้เวลาหายไปกับเรื่องไร้แก่นสาร คือการให้คุณค่าแก่ชีวิตการทำงานของเราเอง
Time Ownership เริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ที่เราทำทุกวัน เพราะ “เวลาที่มีวินัย” จะพาไปสู่ “ชีวิตที่มั่นใจ”
ฟังพลังของตัวเอง แล้วเลือกใช้เวลาให้เหมาะสม
- บางคนทำงานได้ดีที่สุดตอนเช้า
- บางคนคิดงานลึกได้ในตอนบ่ายเงียบ ๆ
สิ่งสำคัญไม่ใช่ “ต้องทำเหมือนกัน” แต่คือ “ต้องรู้ว่าตัวเองเป็นแบบไหน”
Time Ownership คือ การจับจังหวะของตัวเองให้ได้ แล้ววางแผนให้สอดคล้องกับพลัง ไม่ฝืน และไม่ผลาญตัวเองจนเกินไป
สรุปได้ว่าการบริหารเวลาอย่างมีเจ้าของไม่ใช่การเร่งให้ทันทุกอย่าง...แต่คือการใช้เวลาทุกนาที“อย่างมีความหมาย” เมื่อเรากล้าเลือกสิ่งที่สำคัญ วางแผนด้วยสติ รักษาเวลาเหมือนรักษาคำพูด และใช้จังหวะชีวิตให้สอดคล้องกับพลังในแต่ละวัน เราจะไม่แค่ทำงานได้ดีขึ้น แต่จะกลายเป็นคนที่ “ทีมไว้ใจ ตัวเองภูมิใจ และเวลาทุกนาทีมีคุณค่า” เพราะคนที่บริหารเวลาได้ดี คือคนที่กำลังบริหารชีวิตให้ก้าวไปอย่างมั่นคงและตั้งใจ




