บทความ

หลายครั้งที่องค์กรอยากพัฒนาทีม ก็มักจะมองว่า “ควรเทรนให้ครบทุกด้าน” แต่ความจริงแล้ว การเทรนมากเกินไปอาจทำให้ทีมรู้สึกหนักและไม่เห็นผลที่ชัดเจน สิ่งสำคัญคือการมองหาว่า ทีมกำลังติดตรงไหน และเลือกแก้จุดนั้นอย่างลึกซึ้ง เพราะบางครั้งเพียงการปรับเล็กน้อยในจุดที่ใช่ ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ให้ทั้งระบบทีมได้ แนวคิดนี้สะท้อนกับ Pareto Principle (80/20 Rule) ที่ชี้ว่า การแก้ไขปัญหาเพียง “ส่วนน้อยที่สำคัญ” สามารถสร้างผลลัพธ์ได้มหาศาล

ก่อนจะเริ่มการเทรน ต้องมองให้ทะลุและหาต้นตอของปัญหาให้เจอ

การเทรนที่มีประสิทธิภาพเริ่มจากการ “เข้าใจปัญหา” ไม่ใช่เพียงอาการที่ทีมแสดงออกมา แต่คือการเจาะไปถึงสาเหตุจริง เช่น หากทีมสื่อสารไม่ชัดเจน อาจไม่ได้ติดที่ทักษะการพูด แต่ติดที่ “บรรยากาศการฟัง” ที่ไม่เอื้ออำนวย เมื่อเข้าใจต้นตอ การออกแบบเทรนก็จะตรงจุดและเห็นผลมากกว่า

การแก้ปัญหาหลัก ไม่จำเป็นต้องทำหลายเรื่องพร้อมกัน แค่โฟกัสเพียงจุดเดียว แต่เจาะลึกให้ถึงแก่น

การพัฒนาทีมไม่จำเป็นต้องรีบทำทุกอย่างพร้อมกัน เพราะการกระจายพลังไปหลายทิศอาจทำให้ไม่เกิดผลใดชัดเจน วิธีที่ได้ผลกว่าคือ เลือกหนึ่งปัญหาหลักที่กระทบทีมมากที่สุด แล้วเจาะลึกแก้ไขให้ถึงแก่น หลัก 80/20 ยังบอกเราว่า หากโฟกัสที่ปัญหาเพียงไม่กี่อย่างที่มีผลมากที่สุด การเปลี่ยนแปลงก็สามารถสั่นสะเทือนและส่งต่อพลังให้กับทั้งระบบทีม

ปัญหาที่ดูเล็กน้อยในสายตา อาจเป็นตัวการที่สร้างผลกระทบใหญ่กับทั้งทีม

หลายครั้งสิ่งที่ถูกมองว่า “เล็กน้อย” เช่น การไม่กล้าถามคำถามระหว่างประชุม หรือการไม่กล้าเสนอความเห็น กลับกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนพลังของทั้งทีม หากมองข้าม ปัญหาเล็กน้อยอาจสะสมและขยายเป็นกำแพงขวางของการทำงานร่วมกัน แต่ถ้าได้รับการแก้ที่ถูกจุด ทีมจะปลดล็อกและกลับมามีพลังใหม่ได้ทันที

การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ต่อยอดเป็นพลังให้ทีมก้าวต่อไป

การพัฒนาไม่จำเป็นต้องใหญ่โตเสมอไป การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เช่น สร้างวงสนทนาสั้น ๆ ให้ทีมแชร์ความรู้สึก หรือการกำหนดกติกาง่าย ๆ ที่ช่วยให้สื่อสารกันอย่างปลอดภัย อาจเป็นเหมือน “จุดเริ่มต้น” ที่ต่อยอดไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ เมื่อทีมได้สัมผัสผลลัพธ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจริง จะเกิดแรงบันดาลใจและความเชื่อว่า “เราทำได้”

สรุปได้ว่าการพัฒนาทีมไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างพร้อมกัน แต่คือการเลือกทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด ตามหลัก Pareto Principle เพียงการแก้ปัญหาหลักที่เป็นตัวการสำคัญ ก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนเชิงบวกให้ทีมทั้งระบบ เมื่อเรามองให้ทะลุถึงต้นตอ กล้าที่จะโฟกัส และกล้าลงมือแก้เพียงจุดเดียว การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ นี้อาจเป็นพลังที่ขับเคลื่อนทีมไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน